ถังออกซิเจน

    ขั้นตอนแรก

• นำเกจ์ออกซิเจนกับกระปุกน้ำต่อเข้ากับถังออกซิเจน
• แนะนำให้ใช้ประแจหมุนเกลียวให้แน่น เพื่อป้องกันก๊าซในถังรั่วออก
• หลังจากนั้นเปิดวาล์ว พร้อมใช้งาน
• ปรับอัตราการไหลตามที่แพทย์แนะนำ

     ขั้นตอนสอง

• เติมน้ำกลั่นทางการแพทย์ให้อยู่ระดับกึ่งกลางกระปุกน้ำ ** แนะนำเป็นน้ำกลั่นทางการแพทย์ **
• หากกรณีฉุกเฉินสามารถใช้น้ำกรองหรือน้ำดื่มต้มสุก 20-30 นาที พักให้เย็น ก่อนเทใส่กระปุกน้ำ ** น้ำช่วยในการให้ความชื้นระหว่างให้ออกซิเจน **
• นำกระปุกน้ำหมุนใส่เกลียวเกจ์ออกซิเจน **ห้ามปีนเกลียว** และปิดฝาให้แน่น
• ต่ออุปกรณ์ให้ออกซิเจนด้านข้างกระปุกน้ำ

• 1 L/min = 24 %
• 2 L/min = 28 %
• 3 L/min = 32 %
• 4 L/min = 36 %
• 5 L/min = 40 %
• 6 L/min = 44 %

• หน้ากากให้ออกซิเจนแบบมีถุงลม สามารถพกพาได้สะดวกหรือเรียกง่ายๆ กว่าหน้ากากออกซิเจนพกพา จะทำให้กระชับเข้ากับใบหน้าได้เป็นอย่างดีและไม่ต้องกังวลเวลาใช้งาน

• หน้ากากให้ออกซิเจนแบบไม่มีถุงลม มักจะเป็นหน้าแบบครอบที่บริเวณจมูกและปาก

คุณสมบัติ

• ใช้งานกับเครื่องพ่นละออกยาได้
• เหมาะสำหรับการใช้งานในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
• ใช้วัสดุ PVC เกรดทางการแพทย์
  

• ลักษณะนี้จะเป็นการให้ออกซิเจน และความชื้นเล็กน้อย
• เหมาะสำหรับให้ออกซิเจนผู้ป่วยเจาะคอ ที่ไม่ต้องการที่จะละลายเสมหะ หรือมีเสมหะที่ไม่ได้เหนียวข้นมาก
• สามารถใช้งานกับเครื่องผลิตออกซิเจนทั่วไป เริ่มตั้งแต่ 3 - 10 ลิตร/นาที (ขึ้นอยู่กับแพทย์แนะนำ) 

• ลักษณะนี้จะเป็นการให้ออกซิเจน และให้ความชื้นที่เป็นลักษณะเหมือนควันออกจากท่องวงช้าง (เพื่อละลายเสมหะ + ให้ออกซิเจน)
• การให้ออกซิเจนในลักษณะนี้ จำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนเฉพาะ หรือที่เรียกว่า "เครื่องผลิตออกซิเจน แรงดันสูง"